แม่ทัพ WHA “จรีพร จารุกรสกุล” ขานรับบิ๊กเนมสายอุตสาหกรรมลงทุนนิคมเหมราช




แม่ทัพ WHA “จรีพร จารุกรสกุล” 
ขานรับบิ๊กเนมสายอุตสาหกรรมลงทุนนิคมเหมราช


••
ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนร่วมกับต่างชาติที่มีศักยภาพ 
โดยเราไม่ได้จะเข้าไปแข่งกับบิ๊กเนม 
แต่จะเป็นการทำงานร่วมกัน สร้างแพลทฟอร์มร่วมกัน 
โดยดึงบริษัทใหญ่ๆ ของไทยทั้งหมด มาจัดทำแพลทฟอร์มร่วมกัน 
แล้วจึงนำบรรดาเอสเอ็มอีไทยเข้ามาปลั๊กอิน 
โดยภาครัฐต้องออกนโยบายให้การสนับสนุนในเรื่องของอีคอมเมิร์ซ 
ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยกันหมดแล้ว
••


โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่สำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของรัฐบาล มีรากฐานสำคัญ ประกอบด้วย การขนส่ง หรือระบบโลจิสติกส์ (Logistics & Industrial Properties Business) นิคมอุตสาหกรรม (Industrial Estate Business) สาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Power Business) รวมไปถึงดิจิทัล ซึ่งทั้ง 4 ธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group
ดังนั้น การได้ฟังข้อมูลจากเจ้าของธุรกิจหลักในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ จึงไม่ต่างกับการได้เห็นความชัดเจนของทิศทางของการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC  ซึ่ง ’HUNT’ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ถึงแผนการดำเนินงาน และแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ของ WHA ว่ามีความคืบหน้า หรือทิศทางการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง

HUNT: อยากให้คุณจรีพรให้ภาพของธุรกิจหลักของกลุ่ม WHA และบทบาทที่จะมีต่อการพัฒนาของพื้นที่ EEC ในอนาคต
WHA เริ่มต้นธุรกิจจากการมองเห็นช่องว่างในตลาดที่ยังขาดระบบโลจิสติกส์ที่มีมาตรฐานสากล ที่จะรองรับความต้องการของบริษัทใหญ่ๆ จากต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทไทยเองที่ต้องการมาตรฐานบริการที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้ WHA จึงเริ่มต้นด้วยการนำระบบคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit เข้ามาให้บริการ ซึ่งนั่นคือมาตรฐานด้านโลจิสิติกส์ที่ต้องมีสำหรับระบบอุตสาหกรรมปัจจุบัน
หลังจากนั้น WHA ได้ขยายบริการ โดยหลังเข้าเทค-
โอเว่อร์นิคมอุตสาหกรรมเหมราช พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เราได้มีการปรับบิซิเนสโมเดล คือการลงทุนใน 4 กลุ่มธูรกิจ ได้แก่
1. โลจิสติกส์ โดย บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น
2. นิคมอุตสาหกรรม โดย บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
3. สาธารณูปโภคและพลังงาน โดย บมจ. ดับบลิวเอชเอยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ และ
4. การให้บริการด้านดิจิทัล โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ซึ่ง ดิจิทัล ถือเป็นฐานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะทางด้านดาต้า เซ็นเตอร์ และไฟเบอร์ออฟติก ซึ่ง WHA กำลังเริ่มลงทุนแพลทฟอร์มทั้งหมด

HUNT: จากที่มีข่าวว่า อาลีบาบา กรุ๊ป เตรียมประกาศแผนร่วมทุนกับ WHA ในโครงการอีคอมเมิร์ซ ปาร์ค จ.ฉะเชิงเทรา มีความคืบหน้าอย่างไร
ในเรื่องของการทำสัญญา เราเซ็น NDA (Non-disclosure agreement) หรือ สัญญาทางกฎหมายระหว่าง 2 กลุ่มบุคคล ที่ต้องการเก็บข้อมูลเป็นเความลับ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามผลักดันให้เรื่องของอีคอมเมิร์ซไทยสามารถขยายตัว และเติบโตสู่ตลาดโลก เพราะฉะนั้นจึงพยายามผลักดันความร่วมมือระหว่างเอกชนไทย และต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงให้เกิดประโยชน์ต่ออีคอมเมิร์ซ หรือเอสเอ็มอีไทยให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก และรากหญ้า ทุกกลุ่มจะต้องไปด้วยกันหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ
ส่วนภาพกว้างๆ ที่เราจะได้เห็นในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น คือเรื่องนี้เราต้องมีการวางกลยุทธ์ หรือยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนร่วมกับต่างชาติที่มีศักยภาพ โดยเราไม่ได้จะเข้าไปแข่งกับบิ๊กเนม แต่จะเป็นการทำงานร่วมกัน สร้างแพลทฟอร์มร่วมกัน โดยดึงบริษัทใหญ่ๆ ของไทยทั้งหมด มาจัดทำแพลทฟอร์มร่วมกัน แล้วจึงนำบรรดาเอสเอ็มอีไทยเข้ามาปลั๊กอิน โดยภาครัฐต้องออกนโยบายให้การสนับสนุน
ในเรื่องของอีคอมเมิร์ซ ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยกันหมดแล้ว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว WHA พูดว่าไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของอีคอมเมิร์ซ พวกเขาจะใช้ไทยเป็นฐาน ถามว่าทำไม เหตุผลคือโดยพื้นที่ เรามีทำเลที่เป็นยุทธศาสตร์ เรามีกำลังซื้อ และมีสินค้าที่พร้อมจะส่งออก ระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายของเราดี มีการลงทุนด้านดิจิทัล ด้านอินเตอร์เน็ต ซึ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่รองรับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี

HUNT: จากสภาพเศรษฐกิจที่มีการคาดเดาว่าปีนี้จะเป็นปีที่หนักมาก การทำโครงการ EEC จะเกิดได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่
เราพูดเรื่อง EEC มาเยอะมาก ปีนี้ถือเป็นตัวชี้วัดว่า EEC ใช่ หรือไม่ใช่ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าใช่ ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่คนมองว่าปีนี้ไม่ดี ปีหน้าจะยิ่งแย่ เรามองว่าถ้า...ไม่มี EEC เราเหนื่อยหนักแน่นอน เหนื่อยเพราะ คุณไม่มีการลงทุน แต่เรามี EEC และจะมีการลงทุนที่มีการใช้จ่ายเงินสูงถึง 1.7 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี ทั้งกับการก่อสร้าง ค่าแรง และอื่นๆ เมื่อ EEC เกิดขึ้นปุ๊บ มันก็เกิดเป็นโมเมนตัม เกิดการกระจายรายได้ มีการสร้างงาน สร้างธุรกิจ มีการใช้จ่ายเงินออกมา สิ่งเหล่านี้จะทำให้ GDP ของไทยไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่...เราต้องทำให้มันเกิดนะ ส่วนเรื่องสงครามการค้า สำหรับธุรกิจของกลุ่ม WHA เรามองว่าเป็นข้อดี เพราะว่าบริษัทจีน หรือต่างชาติอื่นๆ ก็วิ่งมาที่เรา ถ้าเราบอกว่า เราไม่มี EEC รองรับ เขาอาจจะวิ่งเลยเราไปที่อื่นก็ได้ แต่ความที่เรามี EEC รองรับ เรามีการปรับเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และมีการปรับปรุงทักษะ เพิ่มศักยภาพของแรงงาน นักลงทุนทั้งหลายก็จะวิ่งมาหาเรา

HUNT: ขณะนี้การเข้ามาของนักลงทุนเป็นอย่างไร 
สำหรับนิคมอุตสาหกรรม นักลงทุนเขาไม่สามารถมาซื้อที่ดินได้ เขาต้องเข้ามาเช่าที่ของเราเพื่อลงทุนตั้งโรงงาน ตอนนี้มีเข้ามาเจรจา และเขามาลงทุนแล้วหลายราย ปีนี้จะมีการลงทุนใหญ่ๆ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ที่มีติดต่อมาแล้ว และที่ลงทุนไปแล้ว เช่น กลุ่มยานยนต์, อิเลคทรอนิค, คอนซูเมอร์,
โลจิสติกซ์, อีคอมเมิร์ซ และพลังงาน ซึ่งตอนนี้เรามองเรื่อง
SMART GRID หรือ ระบบบริหารการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร (Information Technology) รวมไปถึง โซล่าลูฟ
กลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานใหญ่ของกลุ่ม WHA คือ ญี่ปุ่น แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนเข้ามาเยอะมาก ตามมาด้วยไต้หวัน โดยเฉพาะสำหรับจีนเข้ามาเยอะ แต่เราไม่ได้รับทั้งหมด อย่างกลุ่มที่ทำเรื่องรีไซเคิล หรือการทำโรงงานเกี่ยวกับขยะ เราก็ไม่รับ เพราะเราไม่ต้องการให้ประเทศเราเป็นแหล่งเก็บขยะ แต่เรามองธุรกิจที่สามารถขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าได้

HUNT: ภาพรวมในปีนี้ของกลุ่ม WHA
ที่ผ่านมา WHA ได้วางยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เดินไปตามแผน และเติบโตได้ตามเป้า หรือมากกว่าเป้า ส่วนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้า คือ เรื่องของดิจิทัล ที่ยังติดขัดด้านความเข้าใจของทีมงาน ซึ่งที่ผ่านมา WHA ได้ปรับกลยุทธ์ ทำการทรานฟอร์เมชั่นองค์กร พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของพนักงานแล้ว และพร้อมเดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นการนำเอไอ หรือระบบ Robotic เข้ามาช่วยงาน รวมไปถึงการทำเรื่องบล็อกเชน และอื่นๆ
ปีนี้คาดว่าจะดีกว่าปีที่แล้วมาก มากกว่า 2 ดิจิต แน่นอน เป้าหมายต่อไปของเรา คือการประกาศเขตอีคอมเมิร์ซ พาร์คให้ได้ รวมถึงประกาศเขตนิคมแหล่งที่ 10 ให้เรียบร้อย ส่วนภาพการขยายตัวไปต่างประเทศ จะชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม เข้าไปขยายในประเทศเวียดนามให้มากขึ้น รวมไปถึงประเทศลาว และอินโดนีเซีย ••

ช่องทางอื่นๆ ได้ที่
✅Web: www.domnickhunterrl.com
✅Facebook: https://goo.gl/bZa4We
✅Youtube: https://goo.gl/8gvuS7
✅Instagram: https://goo.gl/MQqkEq
✅Twitter: https://goo.gl/GmkUVb
✅Line@: https://goo.gl/9Wen3g








Comments