รวยไปกับนักบุญแจ๊ค หม่า





                                                            รวยไปกับนักบุญแจ๊ค หม่า


               นิตยสารสิ่งพิมพ์ชั้นนำที่เชื่อถือได้ (หรือเปล่าไม่ทราบ?) พาดหัวข่าว "เขารวยแล้ว อยากมาช่วย"
               "บิ๊กตู่ ปลื้ม แจ๊ก หม่า ไม่หวังประโยชน์เศรษฐกิจ รับปากช่วยขายข้าว ยาง ปาล์มน้ำมัน ผ่านออนไลน์"
               เป็นไปได้จริงหรือครับ แจ๊ค หม่า เป็นลามะหรือพระโพธิสัตว์มาโปรดสัตว์ที่ประเทศไทยเชียวหรือครับ ใบหน้าละม้ายคล้ายอดีตนายกไม่พอ ยังเปิดตัวแบบเดียวกันกับตอนอาสามาช่วยบ้านเมือง จนหลายคนหลงคารมเทคะแนนให้ไปแบบมืดฟ้ามัวดินในการเลือกตั้งครั้งแรก แล้วยังไงครับ...  10 กว่าปีให้หลัง สำลักข้าวเน่ากันถ้วนหน้า 
               เท่านั้นไม่พอ ตอนที่ผมสัมภาษณ์รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (ขออนุญาตไม่ระบุนาม) ตอนที่แจ๊ค บินมาเซ็นต์ MOU ก็อวยสุด ๆ จนไม่สามารถระบุข้อพึงระวัง หรือสิ่งที่ประเทศไทยเราอาจจะเพลี่ยงพล้ำจากการทำข้อตกลง G to B ฉบับนี้ได้เลย ทุกอย่างดูดี สวยหรู ไปหมด แจ๊ก หม่า ถูกวาดภาพประหนึ่งเทพจุติลงมาช่วยกอบกู้ประเทศไทยในยุค Thailand 4.0 
               เอาเถอะครับ ถ้าเป็นอย่างที่ว่าผมไม่มีอะไรขัดข้อง แต่จากการทำหน้าที่สื่อตรวจสอบเรื่องนี้ สัมผัสได้เลยว่ามันยังมีช่องว่างระหว่างสิ่งที่เป็นนามธรรม ก็คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ MOU ทั้ง 4 ฉบับ ระบุว่าจะเกิดขึ้น กับ สิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ดรามาบนโลกโซเชียล หรือ ในโลกแห่งความเป็นจริงตามวงสนทนา ที่กังวลว่าเราจะไม่ได้กินทุเรียนเกรดเออีกต่อไป ทั้งๆที่ปัจจุบัน ผลไม้เกรดเอทุกชนิดก็มีไว้ส่งออกอยู่แล้ว หรือแม้แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เป็นแค่การย้าย platform ไปสู่ E Commerce ที่พ่อค้าคนกลาง (ไม่ใช่เกษตรกร) นั่นแหละที่จะได้ประโยชน์จากการขูดรีดส่วนต่างของกำไรต่อไป แต่เนียนๆ บนความไม่รู้และการรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยีของเกษตรกรไทย
               เมื่อรัฐบาลไม่สามารถให้สติ ข้อพึงระวังของความร่วมมือในครั้งนี้ได้ ผมก็ต้องหันไปพึ่งสมองของนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ดร.อมรเทพ จาวะลา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ชวนน้องเขามาจิบกาแฟบ่ายวันหนึ่งบนถนนหลังสวน และย้ำไม่ว่าไม่ต้องจัดคอสตูมอาลีบาบามานะ ไม่ได้จะเก็บภาพ การพูดคุยกันวันนั้นก็พอจะสรุปประเด็นสำคัญมาแบ่งปันกันได้ประมาณนี้ครับ
               ....................................
            สรุปแล้วแจ็ค หม่า เป็นนักบุญหรือนายทุนครับ ทำไมรัฐบาลถึงดูอวยและปลื้มตื้นตัน กับ G to B นี้เหลือเกิน
            อมรเทพ: ผมไม่ได้มองการมาของแจ๊ค หม่า ว่าจะเป็นประเด็นการเมือง แต่มองเป็นต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์  แจ๊ค หม่า เองก็ต้องการขยายธุรกิจ ขยายตลาดสินค้าบริโภคในไทย และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลไทยก็ต้องการให้เกิดการลงทุนใน EEC ซึ่งในช่วงที่ชาติตะวันตกยังลังเลในด้านเสถียรภาพการเมือง ญี่ปุ่นยังล่าช้าในการตัดสินใจ ไทยเองก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติเห็นว่าโครงการต่างๆ จะยังสามารถเดินหน้าได้แม้หากจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลหลังเลือกตั้ง โดยมีจีนเป็นกลุ่มทุนใหญ่ และหากชาติอื่นล่าช้า อาจเสียสัดส่วนตลาดการลงทุนในไทยให้จีนไปในอนาคต หวังว่าแจ็ค หม่าจะช่วยภาคเกษตร ให้ราคาพืชผลดีขึ้น หลังเจาะตลาดจีน แต่ต้องระวังไม่ให้จีนกินรวบเหมือนล้งผลไม้ภาคตะวันออก

               การลงทุนของแจ็ค หม่าในครั้งนี้ เปลี่ยน landscape ธุรกิจไทยอย่างไร ใครได้ ใครเสีย
               อมรเทพ: Alibaba คือตลาดขายของออนไลน์ ที่เชื่อมผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน คนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้ซื้อ คนไทยที่จะได้สินค้าหลากหลาย ราคาถูกลง คนขายก็ได้ตลาดที่ใหญ่ขึ้น แม้การแข่งขันรุนแรงขึ้น แต่ผู้ขายที่หาเอกลักษณ์ความโดดเด่นของตัวได้ถึงจะอยู่รอด ส่วนคนที่ต้องปรับตัวคงหนีไม่พ้นพ่อค้าคนกลาง และกลุ่มที่หวังประโยชน์จากส่วนต่างราคาซื้อขาย เพราะตลาดออนไลน์จะค่อยๆ ลดบทบาทคนกลุ่มนี้ลง

               ธุรกิจไทย ผู้บริโภคไทย พร้อมหรือไม่สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่หนีไม่พ้นในครั้งนี้ เราต้องปรับตัวอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
               อมรเทพ: ตลาดนี้เป็นของผู้บริโภค เพียงแต่อาจใช้เวลาบ้าง  ในการสร้างความคุ้นเคยในการสั่งของข้ามประเทศ หรือต้องศึกษาคุณภาพสินค้า แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสของผู้ซื้อ แต่ผู้ขาย โดยเฉพาะนักธุรกิจ SME อาจเหนื่อยหน่อย เพราะคงไม่สามารถเป็นพ่อค้าคนกลาง ด้วยการซื้อของจากโรงงานหรือร้านขายส่ง มาขายให้ผู้บริโภคได้ง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน ลองคิดดูว่าทุกวันนี้เราพึ่งตลาดจีนด้านการส่งออกมากกว่า 10% ของการส่งออกทั้งหมด หรือพึ่งนักท่องเที่ยวจีนราว 25% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด แม้แต่ผู้ประกอบการด้านโรงแรม กลุ่มทัวร์นำเที่ยว ธุรกิจขายตั๋วเครื่องบิน ก็ต้องมองอาลีบาบา และหาโอกาสมีส่วนร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นอาจตกยุคได้ ต่อให้ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมลุย เพราะตลาดต่อไปนี้มีทั้งโอกาสและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

               ทำอย่างไรถึงจะรวยไปกับแจ็ค หม่าได้ หรือนี่เป็นเพียงการขายฝัน
               อมรเทพ: นักธุรกิจ SME ไทยต้องเป็น Smart SME คือก้าวทันเทคโนโลยี ใช้ E Commerce ได้คล่อง หาตลาดใหม่ได้ในไทยและต่างประเทศ แล้วจะโตไปกับอาลีบาบา เพราะทุกวันนี้ก็ต้องแข่งขันกับพวก modern trade อยู่แล้ว การมีตลาดออนไลน์น่าจะลดช่องว่างระหว่างรายใหญ่และรายเล็กลง อีกเรื่องคือ ผมมองว่าอย่าแข่งกับจีน เพราะยากที่เราจะชนะเขาได้ ทั้งด้านเทคโนโลยี ต้นทุนสินค้า หรือแม้แต่คุณภาพ เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยิ่งหากเขามีด้านการขนส่งสินค้าที่ดีรองรับ เราคงแย่ ถ้าให้ดี ลองคิดเปลี่ยนจีนจากคู่แข่งเป็นพันธมิตร น่าจะลองเป็นห่วงโซ่อุปทาน ให้จีนเป็นตัวเชื่อมด้านการขนส่ง หาวัตถุดิบ หรือแลกเปลี่ยนมุมมองต่อตลาดไทยให้จีน เช่น ด้านพฤติกรรมผู้บริโภค รสนิยม และการใช้สอย ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงตลาดจีนที่ใหญ่กว่าไทยมาก

               อะไรคือปัจจัยที่จะทำให้ deal นี้ล้มเหลว
               อมรเทพ: ความกังวลของนักธุรกิจต่อกฏระเบียบที่ยุ่งยาก ทั้งจากตลาดไทยและตลาดจีน ต่างเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการค้าออนไลน์ หรือเป้าหมายที่อยากให้มีผู้เล่นรายย่อยเข้าถึงตลาดนี้มากกว่าผู้เล่นรายใหญ่ที่รัฐบาลไทยหรือรัฐบาลจีนรับรอง นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปหลังเลือกตั้ง ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเปลี่ยนทัศนะต่อจีนอย่างไร อย่าลืมว่าไทยขาดดุลการค้ากับจีนมหาศาล และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากการเปิดโลกการค้าออนไลน์ที่เอื้อต่อนักธุรกิจจีนมากกว่านักธุรกิจไทยด้วยแล้ว จะมีกระแสกดดันนโยบายการค้าไทยอย่างไรในอนาคต
               …………………………………………….
               เอาเข้าจริงๆ ก่อนจะทำอะไรกับใครก็ตาม พักหลังผมเริ่มกลับไปพึ่งสัญชาติญาณในการพิจารณาคน และให้น้ำหนักกับเคมีพอสมควร ว่าเราจะเข้ากันได้มั้ย ผมคงยังไม่ได้ทำอะไรกับแจ๊คในขณะนี้ แต่เท่าที่ดูจากภาพที่ปรากฏตามสื่อ การให้สัมภาษณ์ แม้จะสัมผัสได้ถึงความจริงใจ แต่มันก็ไม่สุด เพราะนั่นคือการดูผ่านจอ ออร่าจากตัวแจ๊คยังมาไม่ถึง ยิ่งพอมาเห็นการเปิดคอนเสิร์ตประจำปีของบริษัท และเห็นภาพแจ๊คสนองความต้องการของตัวเองด้วยการเป็นนักร้องขับร้องเพลง Unchained melody นี่ผมหลอนมาก ผวาหนักขึ้นไปอีก เมื่อเห็นเขาเปิดตัวด้วยการเป็นไมเคิล แจ็กสัน ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าเสียงกรี๊ดของผู้ชมในฮอลล์นั่นคือ กลัว ชอบ หรือ ชะเลียเอาใจแลก paycheck
               อดีตผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน (Thai-Chinese Strategic Research Center : TCRC) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ซึงปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยวิเคราะห์แจ๊คไว้ผ่านสื่อไทยรัฐได้น่าสนใจมากเลยครับ เธอบอกว่า แจ็ค หม่า เก่งในการนำเรื่องราวสู้ชีวิตของตนมานำเสนอ จนกลายเป็นตำนานระดับโลก ดังนั้น สิ่งที่แจ็ค หม่า กำลังทำคือ การสร้างสถานะทางสังคมที่โดดเด่นให้กับตัวเอง จนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก จากความสำเร็จของอาลีบาบา กลายเป็นผู้เปลี่ยนดิจิทัล ไลฟ์สไตล์ ให้กับสังคมจีน ใครที่ได้เคยอ่านประวัติจะทราบว่าเขากลายเป็นไอดอลด้านการสู้ชีวิต ที่ไม่เคยยอมแพ้ในสิ่งใด สอบเข้ามหาวิทยาลัยหลายครั้งกว่าจะสำเร็จ ปั่นจักรยานออกจากบ้านระยะทางไกลไปทำหน้าที่ไกด์อาสา เพียงเพื่อจะได้ฝึกภาษาอังกฤษ ถูกปฏิเสธงานมาหลายครั้งหลายคราจนตอนนี้แทบจะพูดได้ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่าทุกอย่างล้วนชวนให้คิดได้เสมอว่ามันอาจมีแรงแค้นที่จะเอาคืนแฝงอยู่ในคราบนักบุญที่โลกกำลังสัมผัส
               อาลีบาบา จะมาร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อจะช่วยพัฒนาด้านต่างๆ เช่น จะช่วยเกษตรกร จะช่วย SMEs จะเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้รัฐบาลฯ" คำพูดสวยหรูที่ตอกย้ำกลยุทธ B to G หรือ Business to Government ของแจ๊ค และสะท้อนสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจของเขา ที่วางตัวเป็นซุเปอร์ฮีโร่ กอบกู้เศรษฐกิจให้กับรัฐบาล เราไม่ใช่ประเทศแรก เขาพูดแบบนี้ที่ฟิลิปปินส์ โดยเล็งพัฒนา Digital Economy ให้กับตลาดประชากรกว่าร้อยล้านคนแห่งนี้ หรือการช่วยสร้าง Digital Free Trade Zone  ในมาเลเซีย ก็เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว ส่วนประเทศไทยจะหมู่หรือจ่า เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจริงใจ ทั้งจากแจ๊ค หม่าในฐานะนักธุรกิจ และ จากนักธุรกิจที่ผันตัวไปเป็นนักการเมืองทุนหนา เกาะบารมีนายกฯ และหัวหน้าคสช.ดูด หรือยอมถูกดูด ก่อนที่จะตกขบวน ว่านอกจากจะทำเพื่อตัวเองแล้ว ประโยชน์จะตกถึงประเทศชาติมากน้อยเพียงไร






Comments